This research was aimed to 1) develop and evaluate the effectiveness of an Adaptive Web-based Instruction with Scaffolding on Information and Technology Subject for Mathayomsuksa 4 students, 2) compare the achievement of the students who had learned with an adaptive web-based instruction with scaffolding and those who have learned with traditional teaching method, 3) survey the satisfaction of students learning with an adaptive web-based instruction with scaffolding and 4) study the learner behaviors with an adaptive web-based instruction with scaffolding and the development of an adaptive web-based instruction with scaffolding by using System Approach. The research instruments consist of i) an adaptive web-based instruction with scaffolding, ii) the satisfaction questionnaire, and iii) the learning behavior questionnaire and achievement test. The samples in this study were Mathayomsuksa 4 students of Nonghanwittaya school, Udon Thani province, enrolling the first semester of the academic year 2014 with a cluster random sampling method. The samples were divided into 2 groups, 27 to the control group and 26 to an experimental group. The statistics used for analysis data were the mean score, standard deviation, and t-test (Independent Samples). The results have shown that the opinion of the experts with an adaptive web-based instruction with scaffolding was high (x̄ = 4.31, S.D. = 0.79). These also revealed that the effect could be standardized according to the average standard of McGuigan's (1.05). The regarding a comparison of learning achievement showing that the average score of students learning with an adaptive web – based instruction with scaffolding was significantly higher than those studying with the traditional teaching method at the .05 levels. In addition, the average level of the satisfaction of the students with an adaptive web – based instruction is high (x̄ = 4.32, S.D. = 0.74) and the average of the learning behavior of students with an adaptive web - based instruction is high (x̄ = 4.30, S.D. = 0.73).

การวิจัยครั้ง นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาและหาประสิทธิภาพของบทเรียนบนเว็บแบบปรับเหมาะเนื้อหาที่มีสแคฟโฟล์ดดิง วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ สาหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างกลุ่มทดลองที่เรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบปรับเหมาะเนื้อหาที่มีสแคฟโฟล์ดดิงกับกลุ่มควบคุมที่เรียนด้วยวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ ศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียนบนเว็บแบบปรับเหมาะเนื้อหาที่มีสแคฟโฟล์ดดิงที่พัฒนาขึ้น ศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบปรับเหมาะเนื้อหาที่มีสแคฟโฟล์ดดิงที่พัฒนาขึ้น วิธีดา เนินการวิจัย ดา เนินการตามขั้น ตอนวิธีการเชิงระบบ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่บทเรียนบนเว็บแบบปรับเหมาะเนื้อหาที่มีสแคฟโฟล์ดดิง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ แบบสอบถามวัดความพึงพอใจ และแบบประเมินพฤติกรรมการเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนหนองหานวิทยา จังหวัดอุดรธานี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม โดยวิธีจับสลากแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลอง จำนวน 26 คน และกลุ่มควบคุม จำนวน 27 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test (Independent Samples) ผลการวิจัยพบว่า ผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นต่อบทเรียนที่พัฒนาขึ้นว่ามีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมาก (x̄ = 4.31, S.D. = 0.79) และบทเรียนที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานของเมกุยแกนส์ (1.05) การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า ผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียนบนเว็บแบบปรับเหมาะเนื้อหาที่มีสแคฟโฟล์ดดิง มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่า ผู้เรียนที่เรียนด้วยวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อบทเรียนที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับเหมาะสมมาก (x̄ = 4.32, S.D. = 0.74) 5) และผู้เรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับเหมาะสมมาก (x̄ = 4.30, S.D. = 0.73)