• คัคนางค์ ประไพทรัพย์
    : นิสิตปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา แขนงวิชาการจัดการการกีฬา คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
FULL TEXT

Abstract

This research aims to study the marketing mix needs of toddler swimming business in Bangkok comparing with a marketing mix need classified by gender, age, education, occupation and household income. A total of 390 samples answered the questionnaires which were used as a survey tool. The data were analyzed statistically using mean, standard deviation, t-test and One-way ANOVA (F-test). Then the differences of results were analyzed in pairs by using Scheffe Method. The samples were 192 males and 198 females aged from 30 to 40 years old. The highest education level was Bachelor Degree. The parent’s occupation mainly was the officer with their income more than 50,001 Baht. The toddlers aged between 13-24 months old and normally came to attend the class during 11.01 – 13.00 on the weekend for 3 to 4 times per months and spending less than 300 Thai Baht each time.  The results have shown that 1. Marketing mix needs of toddler swimming business in Bangkok overall in were in highest level : product, price, place, promotion, people, process and physical evidence and presentation. 2. result from comparing the marketing mix needs of toddler swimming business in Bangkok classified by gender using t-test were significantly different at 0.05 level. 3. The result from comparing the marketing mix needs of toddler swimming business in Bangkok classified by age, education, occupation and income using One-way ANOVA (F-test) were significantly different at 0.05 level.       According to the results, marketing mix needs of toddler swimming business in Bangkok were comprised of the product, price, place, promotion, people, process and physical of evidence.


Keyword

marketing mix needs, toddler swimming business

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการส่วนประสมทางการตลาดต่อธุรกิจว่ายน้ำสำหรับเด็กเล็กในกรุงเทพมหานคร และเปรียบเทียบความต้องการส่วนประสมทางการตลาด จำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน โดยมีวิธีดำเนินการวิจัยนั้นใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูล โดยมีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 390 คน นำผลที่ได้มาวิเคราะห์ค่าทางสถิติโดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า “ที” และวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว โดยการทดสอบค่า “เอฟ” กรณีพบความแตกต่าง ใช้วิธีการเปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe Method) โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชาย 192 คน เพศหญิง 198 คน ซึ่งส่วนใหญ่ มีอายุ 30-40 ปี มีระดับการศึกษาในระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพพนักงานและลูกจ้างบริษัทเอกชน มีรายได้ครอบครัวเฉลี่ย มากกว่า 50,001 บาท ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่ของเด็กเล็ก ที่มีอายุ 13-24 เดือน มาใช้บริการช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.01-13.00 น. ใช้บริการเดือนละ 3-4 ครั้ง ใช้เวลาเดินทาง 15-30 นาที มาใช้บริการโดยรถยนต์ส่วนบุคคลเสียค่าใช้จ่ายแต่ละครั้ง น้อยกว่า 300 บาท ผลการวิจัย พบว่า 1) ผู้ใช้บริการมีความต้องการส่วนประสมทางการตลาดโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อวิเคราะห์เป็นรายด้านพบว่าทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด 2) ผลการเปรียบเทียบความต้องการส่วนประสมทางการตลาดจำแนกตามเพศ โดยการทดสอบค่า “ที” พบว่า ในรายข้อ ด้านราคาและด้านการส่งเสริมตลาด พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) ผลการเปรียบเทียบความต้องการส่วนประสมทางการตลาดโดยรวมจำแนกตามอายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ครอบครัวเฉลี่ยต่อเดือน ด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว พบว่า แต่ละด้าน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 กล่าวโดยสรุปว่า ความต้องการส่วนประสมทางการตลาดต่อธุรกิจว่ายน้ำสำหรับเด็กเล็กในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านสถานที่ให้บริการ ด้านการเสริมการตลาด ด้านบุคคล ด้านกระบวนการให้บริการ และด้านลักษณะทางกายภาพ


คำสำคัญ

ความต้องการส่วนประสมทางการตลาด ธุรกิจว่ายน้ำสำหรับเด็กเล็ก